การสร้างและรันโปรเจกต์ Slim ใน ServBay

บทความนี้จะแนะนำขั้นตอนการสร้าง ตั้งค่า และรันโปรเจกต์ Slim Framework ที่ใช้ PHP บน ServBay ซึ่งเป็นสภาพแวดล้อมการพัฒนาเว็บแบบโลคอลบน Mac ที่ทรงพลังและใช้งานสะดวกที่สุด ServBay ผสาน PHP, เซิร์ฟเวอร์เว็บ (Caddy/Nginx/Apache) และซอฟต์แวร์ฐานข้อมูลหลากหลายชนิดไว้ในแพ็คเกจเดียว เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับการพัฒนา Slim

Slim คืออะไร?

Slim คือเฟรมเวิร์ก PHP แบบ micro-framework ที่มีน้ำหนักเบามาก ออกแบบมาสำหรับการสร้างเว็บและ API อย่างสะดวกรวดเร็ว แต่ยังคงความยืดหยุ่นและมีฟีเจอร์หลักที่จำเป็น เช่น การกำหนดเส้นทาง การรับและส่งข้อมูล เหมาะสำหรับการสร้างโปรโตไทป์ไวๆ โปรเจกต์ขนาดเล็ก-กลาง หรือใช้เป็นรากฐานสำหรับโปรเจกต์ที่ซับซ้อนยิ่งขึ้น

จุดเด่นและข้อดีของ Slim Framework

น้ำหนักเบา: Core ของ Slim เล็กมาก ใช้ทรัพยากรน้อย โหลดได้ไว เหมาะกับงานขนาดเล็ก-กลาง หรือ microservices
ยืดหยุ่น: Slim ออกแบบมาให้เสริมฟังก์ชันได้ง่าย สามารถเชื่อมต่อไลบรารีหรือคอมโพเนนต์จาก third-party ได้หลากหลาย (เช่น template engine, ORM, authentication) คุณเลือกได้อิสระตามต้องการ
ใช้งานง่าย: API กระชับ อธิบายง่าย มีเอกสารรองรับ ทำให้เรียนรู้และใช้งาน Slim ได้รวดเร็ว
ระบบ Routing ที่ทรงพลัง: รองรับทั้ง GET, POST, PUT, DELETE และ routing ที่ซับซ้อน เช่น group, middleware, parameter capturing
รองรับ Middleware: สามารถเพิ่มกระบวนการคั่นกลางก่อนและหลังถึง logic หลักของแอป เช่น ระบบยืนยันตัวตน, logging, CORS ฯลฯ

Slim จึงเหมาะกับ RESTful API, งาน prototype เร่งด่วน หรือพัฒนาโมดูลย่อยแบบแยกส่วนอย่างยิ่ง

วิธีสร้างและรันโปรเจกต์ Slim ด้วย ServBay

เนื้อหานี้จะสาธิตการตั้งค่าโปรเจกต์ด้วย PHP ที่บรรจุมาใน ServBay และการใช้ฟีเจอร์ เว็บไซต์ เพื่อตั้งค่าตัว web server ให้เหมาะสมกับการ run Slim framework

ข้อควรเตรียมก่อนเริ่ม

โปรดตรวจสอบให้มั่นใจว่าคุณได้ดำเนินการดังต่อไปนี้เรียบร้อยแล้ว:

ติดตั้งและเปิดใช้งาน ServBay: ตรวจสอบว่าได้ติดตั้ง ServBay ลงใน macOS และกำลังเปิดแอป ServBay อยู่
ServBay มาพร้อม Composer แล้ว: ใน ServBay มี Composer ติดตั้งไว้ให้แล้ว ใช้งานได้ทันที ไม่ต้องติดตั้งแยกเอง

การสร้างโปรเจกต์ Slim

ServBay แนะนำให้รวมโปรเจกต์เว็บไซต์ทั้งหมดไว้ในโฟลเดอร์ /Applications/ServBay/www เพื่อให้ง่ายต่อการจัดการและตั้งค่าสภาพแวดล้อม

เข้าสู่ไดเรกทอรีรากของเว็บไซต์ใน ServBay:
bash
```
cd /Applications/ServBay/www
```
1
สร้างโฟลเดอร์ใหม่สำหรับโปรเจกต์ Slim:
bash
```
mkdir servbay-slim-app
```
1
เข้าสู่โฟลเดอร์โปรเจกต์:
bash
```
cd servbay-slim-app
```
1
ติดตั้ง Slim ด้วย Composer: สั่ง Composer ติดตั้ง Slim framework พร้อมกับ PSR-7 implementation ในโปรเจกต์
bash
```
composer require slim/slim "^4.0" slim/psr7 -W
```
1
คำสั่งนี้จะดาวน์โหลด Slim และ slim/psr7 เข้าสู่โฟลเดอร์ vendor รวมถึงสร้างไฟล์ composer.json และ composer.lock ให้ด้วย

เริ่มต้น Slim Application

สร้างไฟล์ entrypoint: โดยปกติ Slim จะใช้ไฟล์ entry point เดียว เช่น public/index.php สำหรับรับ request ทั้งหมด ให้สร้างโฟลเดอร์ public และไฟล์ index.php ในโปรเจกต์
bash
```
mkdir public
touch public/index.php
```
1
2

แก้ไขไฟล์ Entry point: เปิดไฟล์ public/index.php แล้วใส่โค้ด Slim เบื้องต้นด้านล่างนี้:

php

<?php
// โหลด autoload ของ Composer
require __DIR__ . '/../vendor/autoload.php';

// นำเข้า PSR-7 interface และ factory class ของ Slim
use Psr\Http\Message\ResponseInterface as Response;
use Psr\Http\Message\ServerRequestInterface as Request;
use Slim\Factory\AppFactory;

// สร้าง instance ของ Slim
$app = AppFactory::create();

// เพิ่ม route พื้นฐาน: รับ GET ที่ /
$app->get('/', function (Request $request, Response $response, $args) {
    // เขียนข้อความลงใน response body
    $response->getBody()->write("Hello ServBay!");
    // Return response object
    return $response;
});

// รันแอปพลิเคชัน Slim
$app->run();

โค้ดชุดนี้ใช้สร้างแอป Slim ง่ายที่สุด โดยรับ request ที่ root URL (/) ด้วย GET และตอบกลับ “Hello ServBay!” กลับไป

ตั้งค่าเว็บไซต์ใน ServBay

หากต้องการเข้าถึงโปรเจกต์ Slim ผ่าน browser ต้องตั้งค่า เว็บไซต์ (ใน ServBay เวอร์ชันเก่าเรียกว่า "โฮสต์")

เปิดหน้าจอแอป ServBay
ไปที่เมนู เว็บไซต์ (Websites)
กดเพิ่มเว็บไซต์ใหม่
กรอกข้อมูลและตั้งค่าตามต้องการเช่น:
- ชื่อ (Name): My First Slim Dev Site (หรือชื่ออื่นตามต้องการ)
- โดเมน (Domain): servbay-slim-test.local (แนะนำให้ใช้ .local หรือ .test เพื่อการพัฒนาแบบโลคอล)
- ประเภทเว็บไซต์ (Website Type): PHP
- เวอร์ชัน PHP (PHP Version): เลือกเวอร์ชันที่ต้องการ เช่น 8.3
- โฟลเดอร์รากของเว็บไซต์ (Document Root): คลิกเลือกโฟลเดอร์ public ของโปรเจกต์ เช่น /Applications/ServBay/www/servbay-slim-app/public (เนื่องจาก Slim ใช้ index.php ในโฟลเดอร์นี้เป็น entry point)
กดบันทึก ServBay จะจัดการ generate/configure web server ให้อัตโนมัติ

อ่านขั้นตอนตั้งค่าเว็บไซต์อย่างละเอียดได้ที่ เพิ่มเว็บไซต์แรกของคุณ

เข้าถึงเว็บไซต์ Slim ของคุณ

หลังตั้งค่าเสร็จแล้ว ให้เปิด browser แล้วเข้า https://servbay-slim-test.local

หากดำเนินการถูกต้อง ใน browser จะเห็นข้อความ Hello ServBay! แสดงว่าคุณรัน Slim Framework ผ่านเว็บเซิร์ฟเวอร์ ServBay ได้สำเร็จ

ตัวอย่างการเชื่อมต่อฐานข้อมูล

ตัว Slim เองไม่ได้มีฐานข้อมูลในตัว แต่สามารถเชื่อมโยงกับ PHP database libraries อื่นๆ ได้ไม่ยาก ตัวอย่างนี้จะพูดถึงการใช้ ORM ยอดนิยมอย่าง Eloquent (จาก Laravel) ผ่าน illuminate/database กับ MySQL, PostgreSQL รวมถึงการเชื่อมต่อ Memcached และ Redis แบบง่ายๆ

ข้อควรเตรียม: สร้างฐานข้อมูล-รัน migration

ก่อนเชื่อมต่อฐานข้อมูล คุณต้องสร้างฐานข้อมูลและสร้างตาราง(Table)บน ServBay ให้ครบถ้วนก่อน

สร้างฐานข้อมูล:
- เปิดแอป ServBay เลือกฐานข้อมูลที่ต้องการ (MySQL หรือ PostgreSQL)
- ใช้เครื่องมือที่ให้มา (เช่น phpMyAdmin, pgAdmin) หรือ terminal เพื่อสร้างฐานข้อมูลใหม่ เช่น servbay_slim_app
- รหัสผ่าน root ฐานข้อมูล ServBay ส่วนใหญ่จะเป็น password ซึ่งสามารถตรวจสอบหรือเปลี่ยนในแอป ServBay ได้

ติดตั้งและตั้งค่า Phinx (เครื่องมือ migration): Phinx คือเครื่องมือ migration PHP ที่ช่วยจัดการ schema/database version control

ติดตั้ง phinx ในโฟลเดอร์โปรเจกต์ /Applications/ServBay/www/servbay-slim-app
bash
```
composer require robmorgan/phinx
```
1

สร้าง config เบื้องต้น:

bash

vendor/bin/phinx init

จะได้ไฟล์ phinx.yml สำหรับแก้ไขค่าการเชื่อมต่อ เช่น:

yaml

paths:
    migrations: '%%PHINX_CONFIG_DIR%%/db/migrations'
    seeds: '%%PHINX_CONFIG_DIR%%/db/seeds'

environments:
    default_migration_table: phinxlog
    default_environment: development # หรือตั้งชื่อ environment อื่น

    development: # กำหนดค่าตามประเภทฐานข้อมูลที่ใช้
        adapter: mysql # หรือ pgsql
        host: 127.0.0.1
        name: servbay_slim_app # ฐานข้อมูลที่สร้าง
        user: root
        pass: password # รหัสผ่านฐานข้อมูล
        port: 3306 # MySQL, PostgreSQL ปกติใช้ 5432
        charset: utf8mb4
        collation: utf8mb4_unicode_ci

version_order: creation

สร้างไฟล์ migration: สร้างไฟล์สำหรับสร้างตาราง users

bash

vendor/bin/phinx create CreateUsersTable

จากนั้นจะแก้ไขใน db/migrations โดย method change() ให้สร้างตาราง users ดังนี้:

php

<?php

declare(strict_types=1);

use Phinx\Migration\AbstractMigration;

final class CreateUsersTable extends AbstractMigration
{
    /**
     * Change Method.
     *
     * Write your reversible migrations using this method.
     *
     * More information on writing migrations is available here:
     * https://book.cakephp.org/phinx/0/en/migrations.html#the-change-method
     *
     * Remember to call "create()" or "update()" and NOT "save()" when working
     * with the Table class.
     */
    public function change(): void
    {
        $table = $this->table('users');
        $table->addColumn('name', 'string')
              ->addColumn('email', 'string', ['unique' => true])
              ->addTimestamps() // เพิ่มฟิลด์ created_at และ updated_at
              ->create();
    }
}

run migration: กลับมารันคำสั่งสร้างตารางจริง
bash
```
vendor/bin/phinx migrate
```
1
สำคัญ: ต้องสร้างฐานข้อมูลและตารางให้เรียบร้อยก่อนจะทดสอบ database integration ตัวอย่างในหัวข้อต่อไป

ใช้งาน illuminate/database

เราจะใช้ illuminate/database (ORM/Eloquent ของ Laravel)

ติดตั้ง illuminate/database: ที่ root ของโปรเจกต์
bash
```
composer require illuminate/database
```
1

ตั้งค่าการเชื่อมต่อใน public/index.php: ให้เพิ่มโค้ดต่อไปนี้ หลัง require __DIR__ . '/../vendor/autoload.php'; และก่อน $app = AppFactory::create();

php

// ... ส่วน require และ use อื่นๆ ...

use Illuminate\Database\Capsule\Manager as Capsule; // นำเข้า Capsule

// เริ่มต้น Eloquent ORM
$capsule = new Capsule;

// ตั้งค่าการเชื่อมต่อ (ปรับ driver หรือพารามิเตอร์ตามฐานข้อมูล)
$capsule->addConnection([
    'driver' => 'mysql', // หรือ 'pgsql'
    'host' => '127.0.0.1',
    'database' => 'servbay_slim_app', // ฐานข้อมูลของคุณ
    'username' => 'root',
    'password' => 'password',
    'charset' => 'utf8mb4', // แนะนำสำหรับ MySQL
    'collation' => 'utf8mb4_unicode_ci',
    'prefix' => '',
    // ถ้า PostgreSQL เพิ่ม 'schema'
    // 'schema' => 'public',
]);

// สามารถใช้งาน capsule ได้ทั่วแอป
$capsule->setAsGlobal();

// เริ่มใช้งาน Eloquent
$capsule->bootEloquent();

// ... สร้าง Slim App instance ...

ตัวอย่าง MySQL

สมมติว่าติดตั้ง MySQL ใน ServBay สร้างฐานข้อมูล servbay_slim_app และ run migration แล้ว

เพิ่มโค้ดต่อไปนี้ใน public/index.php ก่อน $app->run();:

php

// ... การตั้งค่าเริ่มต้น และ route '/'

use Illuminate\Database\Capsule\Manager as Capsule; // นำเข้า Capsule

// route เพิ่ม user
$app->get('/mysql-add-user', function (Request $request, Response $response, $args) {
    try {
        Capsule::table('users')->insert([
            'name' => 'ServBay Demo User',
            'email' => 'servbay-demo-' . time() . '@servbay.test', // ใช้ time() เพื่อ unique
            'created_at' => date('Y-m-d H:i:s'),
            'updated_at' => date('Y-m-d H:i:s'),
        ]);
        $response->getBody()->write('User added to MySQL');
    } catch (\Exception $e) {
        $response->getBody()->write('Error adding user: ' . $e->getMessage());
        $response = $response->withStatus(500); // แจ้ง error
    }
    return $response;
});

// route ดึง user ทั้งหมด
$app->get('/mysql-get-users', function (Request $request, Response $response, $args) {
    try {
        $users = Capsule::table('users')->get();
        $response->getBody()->write($users->toJson());
        $response = $response->withHeader('Content-Type', 'application/json');
    } catch (\Exception $e) {
         $response->getBody()->write('Error fetching users: ' . $e->getMessage());
         $response = $response->withStatus(500);
    }
    return $response;
});

// ... $app->run();

วิธีเรียก:

เข้า https://servbay-slim-test.local/mysql-add-user เพื่อเพิ่ม user ใหม่
เข้า https://servbay-slim-test.local/mysql-get-users เพื่อดึง user ทั้งหมดในรูปแบบ JSON

ตัวอย่าง PostgreSQL

ถ้าติดตั้ง PostgreSQL ใน ServBay แล้วสร้างฐานข้อมูลและรัน migration เตรียมพร้อม

ปรับ config connection ใน public/index.php โดยเปลี่ยน driver เป็น pgsql และเพิ่ม schema:

php

$capsule->addConnection([
    'driver' => 'pgsql', // เปลี่ยนเป็น pgsql
    'host' => '127.0.0.1',
    'database' => 'servbay_slim_app',
    'username' => 'root',
    'password' => 'password',
    'charset' => 'utf8', // PostgreSQL นิยมใช้ utf8
    'prefix' => '',
    'schema' => 'public', // กำหนด schema
]);
// ... เหมือนเดิม ...

เพิ่ม route ด้านล่างใน public/index.php ก่อน $app->run();:

php

// ... การตั้งค่าส่วนต้น และ route '/'
// ... route MySQL (ถ้ามี) ...

use Illuminate\Database\Capsule\Manager as Capsule; // นำเข้า Capsule

// route เพิ่ม user
$app->get('/pgsql-add-user', function (Request $request, Response $response, $args) {
    try {
        Capsule::table('users')->insert([
            'name' => 'ServBay PG Demo User',
            'email' => 'servbay-pg-demo-' . time() . '@servbay.test',
            'created_at' => date('Y-m-d H:i:s'),
            'updated_at' => date('Y-m-d H:i:s'),
        ]);
        $response->getBody()->write('User added to PostgreSQL');
    } catch (\Exception $e) {
        $response->getBody()->write('Error adding user: ' . $e->getMessage());
        $response = $response->withStatus(500);
    }
    return $response;
});

// route ดึง user ทั้งหมด
$app->get('/pgsql-get-users', function (Request $request, Response $response, $args) {
    try {
        $users = Capsule::table('users')->get();
        $response->getBody()->write($users->toJson());
        $response = $response->withHeader('Content-Type', 'application/json');
    } catch (\Exception $e) {
         $response->getBody()->write('Error fetching users: ' . $e->getMessage());
         $response = $response->withStatus(500);
    }
    return $response;
});

// ... $app->run();

วิธีเรียก:

เข้า https://servbay-slim-test.local/pgsql-add-user จะเพิ่ม user ใหม่ใน PostgreSQL
เข้า https://servbay-slim-test.local/pgsql-get-users เพื่อดู user ทั้งหมดในฐานข้อมูล PostgreSQL

ตัวอย่าง Memcached

ServBay มีแพ็คเกจ Memcached กับ PHP ext-memcached ให้พร้อมใช้งาน เพียงติดตั้ง client library เพื่อใช้งานผ่าน PHP เราจะใช้ memcached/memcached

ติดตั้ง Memcached client: ที่ root โปรเจกต์
bash
```
composer require memcached/memcached
```
1

เพิ่ม route Memcached ใน public/index.php: ก่อน $app->run();

php

// ... การตั้งค่าทั้งหมด และ database route ...

// route สาธิต Memcached
$app->get('/memcached-example', function (Request $request, Response $response, $args) {
    // สร้าง Memcached client
    $memcached = new Memcached();
    // เพิ่ม server (ServBay รันที่ 127.0.0.1:11211)
    $memcached->addServer('127.0.0.1', 11211);

    $cacheKey = 'my_servbay_cache_key';
    // ลองดึงข้อมูลจาก cache
    $cachedData = $memcached->get($cacheKey);

    if ($cachedData === false) {
        // ถ้าไม่พบ cache ให้สร้างใหม่และเก็บ cache
        $cachedData = 'Hello Memcached from ServBay! This was not cached.';
        // เก็บลง cache 60 วินาที
        $memcached->set($cacheKey, $cachedData, 60);
        $response->getBody()->write($cachedData);
    } else {
        // ถ้ามีข้อมูลใน cache แล้ว
        $response->getBody()->write('Hello Memcached from ServBay! This was served from cache.');
    }

    return $response;
});

// ... $app->run();

วิธีเรียก: เปิด https://servbay-slim-test.local/memcached-example ครั้งแรกจะเจอข้อความ “This was not cached.” จากนั้น (ก่อน cache หมดอายุ) จะเป็น “This was served from cache.”

ตัวอย่าง Redis

ServBay ติดตั้ง Redis และ PHP extension ให้เช่นกัน เราจะใช้ไลบรารี predis/predis

ติดตั้ง Redis client: ที่ root โปรเจกต์
bash
```
composer require predis/predis
```
1

เพิ่ม route Redis ใน public/index.php: ก่อน $app->run();

php

// ... การตั้งค่าทั้งหมด และ database/memcached route ...

use Predis\Client as RedisClient; // นำเข้า Predis

// route สาธิต Redis
$app->get('/redis-example', function (Request $request, Response $response, $args) {
    try {
        // สร้าง Redis client (ServBay รันที่ 127.0.0.1:6379)
        $redis = new RedisClient([
            'scheme' => 'tcp',
            'host' => '127.0.0.1',
            'port' => 6379,
        ]);

        $cacheKey = 'my_servbay_redis_cache_key';
        // ลองดึงข้อมูลจาก cache
        $cachedData = $redis->get($cacheKey);

        if ($cachedData === null) {
            // หากไม่มีใน cache ให้สร้างใหม่
            $cachedData = 'Hello Redis from ServBay! This was not cached.';
            // เก็บ cache พร้อม expiry 60 วินาที
            $redis->setex($cacheKey, 60, $cachedData);
            $response->getBody()->write($cachedData);
        } else {
            // ถ้ามีใน cache ตอบกลับข้อความ cache
            $response->getBody()->write('Hello Redis from ServBay! This was served from cache.');
        }
    } catch (\Exception $e) {
        // จัดการ error ในการเชื่อมต่อหรือใช้ Redis
        $response->getBody()->write('Error connecting to Redis or performing operation: ' . $e->getMessage());
        $response = $response->withStatus(500);
    }


    return $response;
});

// ... $app->run();

วิธีเรียก: เข้า https://servbay-slim-test.local/redis-example ครั้งแรกเจอ “This was not cached.” ถ้ายังไม่หมดอายุ cache จะเป็น “This was served from cache.”

สรุป

จากคู่มือนี้ คุณได้รู้จักวิธีสร้างโปรเจกต์ Slim Framework บนสภาพแวดล้อม ServBay ตั้งค่าเว็บไซต์ให้เข้าถึงจาก browser เชื่อมต่อกับฐานข้อมูลต่างๆ ผ่าน PHP extension และไลบรารี ไม่ว่าจะเป็น MySQL, PostgreSQL, Memcached หรือ Redis ทั้งหมดนี้ช่วยให้คุณตั้งค่าและจัดการสภาพแวดล้อมโลคอลได้ง่ายและใช้งานได้จริง พร้อมโฟกัสกับการเขียนแอป Slim ได้เต็มที่

การสร้างและรันโปรเจกต์ Slim ใน ServBay ​

Slim คืออะไร? ​

จุดเด่นและข้อดีของ Slim Framework ​

วิธีสร้างและรันโปรเจกต์ Slim ด้วย ServBay ​

ข้อควรเตรียมก่อนเริ่ม ​

การสร้างโปรเจกต์ Slim ​

เริ่มต้น Slim Application ​

ตั้งค่าเว็บไซต์ใน ServBay ​

เข้าถึงเว็บไซต์ Slim ของคุณ ​

ตัวอย่างการเชื่อมต่อฐานข้อมูล ​

ข้อควรเตรียม: สร้างฐานข้อมูล-รัน migration ​

ใช้งาน illuminate/database ​

ตัวอย่าง MySQL ​

ตัวอย่าง PostgreSQL ​

ตัวอย่าง Memcached ​

ตัวอย่าง Redis ​

สรุป ​