คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
เอกสารนี้รวบรวมคำถามและคำตอบที่ผู้ใช้มักพบขณะใช้งานสภาพแวดล้อมการพัฒนาเว็บแบบ Local ของ ServBay
ServBay คืออะไร?
ServBay คือเครื่องมือบริหารจัดการสภาพแวดล้อมการพัฒนาเว็บแบบ Local แบบครบวงจร ที่รองรับ macOS และ Windows ออกแบบมาเพื่อช่วยให้นักพัฒนาติดตั้งและบริหารซอฟต์แวร์ต่าง ๆ เช่น Web Server, ฐานข้อมูล, ภาษาการเขียนโปรแกรม ได้อย่างสะดวก ดูข้อมูลเพิ่มเติมที่ เกี่ยวกับ ServBay
วิธีติดตั้ง ServBay?
ดาวน์โหลดโปรแกรมติดตั้ง ServBay ได้จาก เว็บไซต์ทางการของ ServBay และดำเนินการตามขั้นตอนในตัวช่วยติดตั้ง สำหรับคำอธิบายขั้นตอนโดยละเอียด โปรดดู วิธีติดตั้ง ServBay
วิธีถอนการติดตั้ง ServBay?
macOS: ลากแอปพลิเคชัน ServBay ไปที่ “ถังขยะ” แล้วล้างถังขยะเพื่อถอนการติดตั้ง
Windows: ถอนได้ผ่าน “โปรแกรมและฟีเจอร์” หรือ “แอปและฟีเจอร์” ใน Windows หรือเลือกถอนการติดตั้งในโปรแกรมติดตั้ง ServBay
ก่อนถอนการติดตั้ง กรุณาสำรองข้อมูลสำคัญ เนื่องจากทุกไฟล์และการตั้งค่าของ ServBay จะถูกลบ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ ถอนการติดตั้ง ServBay
ServBay รองรับการอัปเดตอัตโนมัติหรือไม่?
รองรับ ServBay มีฟีเจอร์อัปเดตอัตโนมัติ สามารถรับเวอร์ชันล่าสุด ฟีเจอร์ใหม่ และแพทช์ความปลอดภัยได้สะดวก อ่านเพิ่มเติมที่ วิธีอัปเกรด ServBay
ServBay รองรับ Windows/Linux หรือไม่?
ServBay รองรับทั้ง macOS และ Windows สำหรับ Linux อยู่ระหว่างการพัฒนา โปรดติดตามอัปเดตในอนาคต
ServBay รองรับภาษาอะไรบ้าง?
ServBay รองรับหลายภาษา ได้แก่ อังกฤษ จีน (ตัวย่อ/ตัวเต็ม) สเปน อาระบิก โปรตุเกส รัสเซีย ญี่ปุ่น เยอรมัน ฝรั่งเศส เวียดนาม ตุรกี อิตาลี เป็นต้น เลือกเปลี่ยนภาษาได้ง่ายในหน้า settings ดูรายละเอียดเพิ่มเติมใน คู่มือรองรับหลายภาษา
วิธีสำรองข้อมูลใน ServBay?
ServBay รองรับการสำรองข้อมูลแบบ Manual และอัตโนมัติ ทั้งการตั้งค่า เว็บไซต์ ฐานข้อมูล และ SSL certificate นอกจากสำรองโฟลเดอร์ติดตั้ง (เช่น macOS: /Applications/ServBay
, Windows: C:\ServBay
) ยังมีเครื่องมือสำรองข้อมูลภายในสำหรับบริหารและกู้คืนข้อมูล ดูเพิ่มเติมใน คู่มือการสำรองข้อมูล Manual และอัตโนมัติ
ServBay รองรับซอฟต์แวร์อะไรบ้าง?
ServBay รองรับแอปพลิเคชันเกี่ยวกับการพัฒนาเว็บครบครัน อาทิ Web Server, ฐานข้อมูล, Cache, ภาษาการเขียนโปรแกรม รวมถึงจัดการเวอร์ชันต่าง ๆ ได้แก่ Caddy, NGINX, Apache, Mailpit, dnsmasq, PHP หลายเวอร์ชัน, Node.js, Python, Golang, Java, Ruby, Rust, .NET, MySQL, MariaDB, PostgreSQL, MongoDB, Redis, Memcached ฯลฯ สามารถบริหารจัดการผ่านหน้าจอ ServBay ดูข้อมูลเพิ่มเติมที่ วิธีจัดการแพ็กเกจและแอปพลิเคชัน
วิธีดู Release Notes ของ ServBay?
สามารถดูรายละเอียด Release Notes ได้ที่ หน้า Release Notes มีข้อมูลเกี่ยวกับฟีเจอร์ใหม่ ปรับปรุง และการแก้ไขบั๊ก
สามารถใช้ PHP หลายเวอร์ชันพร้อมกันได้หรือไม่?
ทำได้ ServBay มีจุดเด่นเรื่องการติดตั้งและใช้งาน PHP หลายเวอร์ชันพร้อมกัน เลือกติดตั้งแต่ละเวอร์ชันผ่านหน้าจอการจัดการแพ็กเกจ และตั้งค่าเลือกเวอร์ชันสำหรับแต่ละเว็บไซต์ได้อิสระ เหมาะมากสำหรับผู้ที่ต้องดูแลหลายโปรเจคที่ต้องใช้ PHP เวอร์ชันต่างกัน ดูเพิ่มเติมที่ เพิ่มเว็บไซต์แรก และ วิธีพัฒนา PHP
ServBay รองรับ Laravel, WordPress และ CMS อื่น ๆ หรือไม่?
รองรับ ServBay เหมาะกับการใช้งานร่วมกับ Framework หรือ CMS ยอดนิยม ได้ทั้ง Laravel, WordPress, Symfony, CodeIgniter, Joomla, Drupal ฯลฯ สามารถติดตั้งและบริหารใช้งานผ่าน ServBay ได้เลย ดูคู่มือปรับแต่งและใช้งานที่ วิธีพัฒนา PHP
ServBay รองรับ Vue, React, Next.js, Nuxt.js ฯลฯ หรือไม่?
รองรับ ServBay ใช้กับ Framework และไลบรารีที่ใช้ Node.js ได้ทั้ง Vue, React, Angular, Next.js, Nuxt.js, Express.js, Hapi.js ฯลฯ สามารถบริหารเวอร์ชัน Node.js และรันโปรเจค frontend หรือ backend ได้ ผ่าน ServBay เรียนรู้เพิ่มเติมได้ที่ วิธีพัฒนา Node.js
วิธีเพิ่มเว็บไซต์ใน ServBay?
เพิ่มเว็บไซต์ใน ServBay ได้ง่าย ผ่าน UI ของ ServBay กำหนดโฟลเดอร์หลัก, domain, Web Server, เลือกเวอร์ชัน PHP หรือ Node.js ฯลฯ ดูขั้นตอนอย่างละเอียดได้ที่ วิธีเพิ่มเว็บไซต์แรก
ServBay รองรับการตั้งค่าโดเมนและ SSL Certificate แบบกำหนดเองอย่างไร?
ServBay ใส่โซลูชั่น Local Network มาให้พร้อม เช่น Local DNS สำหรับ resolve domain ที่กำหนดเอง (เช่น servbay.demo
หรือ yourproject.servbay.demo
) และมี Private CA (ServBay User CA) กับ Public CA (ServBay Public CA) ในตัว สำหรับสร้างและเชื่อมใบรับรอง SSL ให้เว็บไซต์ local ใช้ HTTPS ได้เหมือน production environment ดูรายละเอียดที่ เพิ่มเว็บไซต์ด้วย TLDs ที่ไม่ได้มาตรฐาน และ ตั้งค่า SSL เพื่อความปลอดภัยของเว็บไซต์
สามารถใช้โดเมนที่ตั้งเองใน ServBay ได้หรือไม่?
ใช่ ServBay สนับสนุนการตั้งโดเมนเองสำหรับการพัฒนา เช่น .test
, .local
, .servbay.demo
ฯลฯ ใช้ Local DNS ของ ServBay ตั้งโดเมนเฉพาะแต่ละเว็บไซต์ เพื่อทดสอบบนเบราว์เซอร์ได้ ดูวิธีที่ เพิ่มเว็บไซต์ด้วย TLDs ที่ไม่ได้มาตรฐาน
วิธีเปิดใช้งาน HTTPS สำหรับเว็บไซต์ใน ServBay?
ไปที่หน้าบริหารเว็บไซต์ของ ServBay แล้วเลือกเปิดใช้งาน HTTPS ได้สะดวก ServBay สามารถออกและบริหาร Certificate ได้หลายแบบ เช่น
- ใช้ CA ในตัว (ServBay User CA, ServBay Public CA) สำหรับออก SSL ให้เชื่อถือได้บนเครื่อง local
- ใช้ ACME protocol (เช่น Let's Encrypt, ZeroSSL) ขอใบรับรองจาก CA จริง สำหรับเว็บไซต์ที่เข้าถึงได้จากภายนอก
- นำเข้า Certificate ที่มีอยู่แล้ว
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ ตั้งค่า SSL เพื่อความปลอดภัย, ออก SSL ด้วย ACME, ขอใบรับรองจาก Let's Encrypt, ขอใบรับรองจาก ZeroSSL, ขอใบรับรองจาก Google Trust Services
ServBay รองรับ NGINX, Apache หรือ Web Server อื่น ๆ หรือไม่?
ServBay มี Web Server ชั้นนำให้เลือกใช้ ทั้ง Caddy, NGINX และ Apache เลือกใช้ได้ตามประเภทโปรเจค ดูรายละเอียดการตั้งค่า วิธีเลือก Web Server หลัก
ServBay สามารถสร้างเว็บไซต์ได้กี่เว็บ?
แต่ละเวอร์ชันของ ServBay จำกัดจำนวนเว็บไซต์ดังนี้:
ServBay Free
สร้างได้สูงสุด 3 เว็บ- ผู้ใช้ที่สมัคร (ฟรี) สร้างได้สูงสุด 5 เว็บ
- ServBay Pro และ ServBay Team สร้างได้ไม่จำกัด เพิ่มและแก้ไขเว็บไซต์ได้ในหน้าบริหารเว็บไซต์
วิธีจัดการฐานข้อมูล?
ServBay มีเครื่องมือจัดการฐานข้อมูลในตัว เช่น MySQL, MariaDB, PostgreSQL, MongoDB มีทั้ง phpMyAdmin และ Adminer สำหรับเข้าผ่าน Web Interface ดูคู่มือในหมวด “จัดการฐานข้อมูล” สำหรับรายละเอียดการเชื่อมต่อและบริหาร
วิธีใช้เครื่องมือ Command Line?
ServBay มีเครื่องมือ Command Line ให้ใช้สำหรับงานอัตโนมัติ และการจัดการขั้นสูง ทั้งจัดการแพ็กเกจ เปลี่ยน environment หรือ build PHP module ใช้ servbayctl
ได้สำหรับควบคุมสภาพแวดล้อม ดูรายละเอียดที่ คู่มือ Command Line และ คู่มือเครื่องมือ servbayctl
วิธีตั้งค่าเวอร์ชันของแพ็กเกจหลัก?
ServBay เปิดให้ตั้งค่าเวอร์ชัน default ของ PHP, Python, Java, Go, Ruby, Rust, Node.js, MariaDB, PostgreSQL ฯลฯ สำหรับใช้ command ใน Terminal หรือ script ได้ตามต้องการ รวมถึงรองรับการกำหนดเวอร์ชันเฉพาะแต่ละโปรเจคผ่าน .servbay.config
ดูวิธีตั้งค่าที่ วิธีตั้งค่า default version และ วิธีใช้ .servbay.config
สามารถกำหนดตำแหน่งติดตั้งแพ็กเกจใน ServBay ได้เองหรือไม่?
เพื่อความง่ายในการบริหารและความเรียบร้อย ServBay จะติดตั้งแพ็กเกจทั้งหมดไว้ในโฟลเดอร์เฉพาะ:
- macOS: ภายใน
/Applications/ServBay
- Windows: ภายใน
C:\ServBay
ขณะนี้ไม่รองรับการกำหนด path ติดตั้งเองรายแพ็กเกจ
ServBay รองรับผู้ใช้หลายคนและการจัดการสิทธิ์หรือไม่?
ServBay เน้นออกแบบสำหรับผู้ใช้เดียวแบบ Local ยังไม่รองรับระบบผู้ใช้หลายคนหรือการจัดการสิทธิ์แบบละเอียด
วิธีดู Log ของแต่ละบริการใน ServBay?
เปิดดู Log ของแต่ละบริการได้ง่ายๆ ในหน้าบริหารแพ็กเกจ กดที่ไอคอน Log ข้างซ้ายของแต่ละแพ็กเกจ เพื่อเปิดไฟล์ Log เหมาะสำหรับการแก้ปัญหาบริการเริ่มไม่สำเร็จหรือการทำงานผิดปกติ ดูรายละเอียดที่ วิธีดูไฟล์ Log
วิธีแก้ไขการตั้งค่า PHP ใน ServBay?
แก้ไขการตั้งค่า PHP ได้สองวิธีหลัก:
ผ่านหน้า UI ของ ServBay: ปรับการตั้งค่าที่ใช้บ่อยได้ตรง UI เป็นวิธีที่แนะนำ ดูวิธีที่ แก้ไขการตั้งค่า PHP
แก้ไขไฟล์ php.ini ด้วยตัวเอง: ค้นหาไฟล์ตั้งค่าของ PHP ตาม path ต่อไปนี้:
- macOS:
/Applications/ServBay/etc/php
- Windows:
C:\ServBay\etc\php
จากนั้นแก้ไขไฟล์
php.ini
ตามเวอร์ชันที่ต้องการ แล้ว Restart PHP ใน ServBay เพื่อให้การตั้งค่ามีผล อ่านเพิ่มเติมใน วิธีดูและแก้ไขไฟล์ตั้งค่า- macOS:
Username และ Password ค่า Default สำหรับ root ของ MySQL/MariaDB คืออะไร?
ServBay จะตั้งค่า Default root account และ password ให้ MySQL และ MariaDB ตั้งแต่ติดตั้งและเริ่มใช้งาน สามารถดูข้อมูลในเอกสารจัดการฐานข้อมูล ดูรายละเอียดและวิธีรีเซ็ต password ที่ ข้อมูลบัญชี root และการเชื่อมต่อฐานข้อมูล
Username และ Password ค่า Default สำหรับ root ของ PostgreSQL คืออะไร?
ServBay ตั้งค่า Default administrator และ password ให้ PostgreSQL เช่นกัน ดูข้อมูลและวิธีรีเซ็ตใน ข้อมูลบัญชี root และการเชื่อมต่อฐานข้อมูล
ServBay รองรับการใช้เวอร์ชันภาษาการพัฒนาที่ต่างกันในแต่ละโปรเจคหรือไม่?
รองรับ ServBay มีฟีเจอร์ ตั้งค่าสภาพแวดล้อมระดับโปรเจค ให้กำหนดเวอร์ชัน PHP, Node.js, Python, Go, Java ฯลฯ และ EXPORT environment variable เฉพาะแต่ละโปรเจคโดยสร้างไฟล์ .servbay.config
ในโฟลเดอร์โปรเจค เช่น โปรเจค A ใช้ PHP 8.3, Node.js 22 และโปรเจค B ใช้ PHP 8.1, Node.js 18 ต่างกัน คนละ environment ไม่รบกวนกัน ช่วยให้พัฒนาได้ต่อเนื่องและมั่นใจในเสถียรภาพ